วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

Aperitif อเพอริทีฟ ต่อ

ปีใหม่ปีนี้ได้รับหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่จากน้องๆ พี่ๆ พอสมควรอย่างเช่น หนังสือท่าน ว หนังสือสาระภาพของคุณนิ้วกลม เป็นต้นก็เลยต้องทำตัวเป็นหนอนหนังสือหน่อยช่วงนี้ (มีน้องให้หนังสือกิเลส เมเนจเม้นท์ เอะ น้องหมายถึงอะไร ....พี่มีกิเลสหนาใช่มั้ย) หนังสือของคุณนิ้วกลมดีครับอ่านแล้วทำให้เรามีความคิดบวก .....หรือว่าเราลบตลอด

ลองหาชื้อมาอ่านดูครับแนะนำ 
มาต่ออเฟอริทิฟ กันดีกว่า 
จริงๆแล้วประวัติมันเยอะมว๋าก อย่างเช่น มีมาตั้งแต่สมัยอียิปโบราณ หรือว่า Antonio Benedetto Carpano ( ผู้ค้นคิดการทำVermouth) ได้นำเครื่องดื่มที่ทำมาจากไวน์มาเผยแพร่จนมาเฟื่องฟูในยุคศตวรรษที่19ในยุโรปมีการดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้อย่างแพร่หลายก่อนถึงช่วงเวลาอาหารค่ำและในเวลาไม่นานก็ขยายไปยังทวีปอเมริกา ในประเทศสเปนและบางประเทศในละตินอเมริกาบรรจุ Aperitif อยู่ในขั้นตอนของการดินเนอร์ด้วย

มาเริ่มเวอร์มูท vermouth กันมีหลายยี่ห้อครับที่ผลิตกันอย่างเช่น มาร์ตินี่, ซินซาโน่, นอยลี่ แพรท เป็นต้น 



พวกนี้นิยมเอาทำอะไรหรือครับ ทำอาหาร เป็นโมดิฟายผสมเครื่องดื่ม หรือ ด้นสดครับ เพียวๆ ส่วนใหญ่นิยมกินแบบใส่น้ำแข็ง 

TIPs สำหรับน้องๆบาร์ 
น้องบาร์เทนเดอร์ใหม่ๆ หรือ พนักเสริ์ฟใหม่จะมีคำถามเสมอครับ สำหรับแขกที่สั่งดราย มาร์ตินี่ ....
" พี่ครับ แขกสั่งดรายมาร์ตินี่ใส่เลมอนเนตครับ มันทำอย่างไง "
(คำถามเหมือนคำถามตูตอนเข้าทำงานใหม่ๆ เล้ย! )

Vermouth จัดว่าเป็น Aromatized  Wine (ไวน์ชนิดหนึ่งที่เติมดีกรีและแช่ด้วยรากไม้ลงไปเพื่อให้ใด้ดีกรีและอะโรม่าของสิ่งนั้นๆ) 

วิธีการผลิตคือการนำไวน์ขาวมาแช่ด้วยสมุนไพรตามสูตรของแต่ละเจ้าครับ  โดยการเอาไวน์มาเพิ่มดีกรีโดยการนำเหล้าสปิริตต่างมาๆมาผสมแล้วแช่ด้วยรากไม้เพื่อที่จะหยุดการเติบโตของไวน์ไว้ไม่ให้เสียเรียกว่าการ อ๊อฟไวน์ Off Wine ซึ่งจะพิถีพิถันในการผลิตมาก

  ขั้นตอนการเติมเหล้าเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะแตกต่างกับการผลิตเหล้าพอร์ท (ซึ่งจะกล่าววันต่อไป) กันเล็กน้อย เวอร์มุทจะเติมเหล้าหลังจากการเฟอร์เมนเทซั่นเสร็จแล้ว แต่เหล้าพอร์ทจะเติมเหล้าระหว่างการเฟอร์เมนเทซั่น ซึ่งนั่นทำให้เหล้าพอร์ทมีรสชาติที่หวานครับ คุณซาคริต ครับ ฮา ........
    ขั้นตอนไปก็มีการเอาสมุนไพรต่างๆ ครับมาแช่และน้ำตาลนิดหน่อย 
ข้างล่างคือสมุนไพรตามสูตรที่ผมพอจะขโมยมาได้ครับ เอ้ย ไม่ใช่ แต่ยังไงเสียนะครับแต่ละบริษัทก็จะสูตรตามตำรับของเค้าเองครับ อย่างเช่น ใบโหระพาอายุ หนึ่งปี หรือ ผิวส้มที่ตากแดดแล้ว 20 ชั่วโมง ( ซึ่งบางเจ้าก็ต้องการที่ตากเเดดแค่ สองชั่วโมง) เป็นต้น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น