วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Bitters - บิทเท่อร์ เครื่องดื่มเคล็ดลับของบาร์เทนเดอร์ ตอนที่ 2 จบ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านห่างหายไปนานครับ  เนื่องจากภารภิจประจำอันเยอะแยะมากมาย และ ต้องทำเพราะไม่ทำไม่มีตังค์ ฮ่า
เมื่อวานมีโอกาสเข้าฟ้งการสอนเครื่องดื่มตอน Single Malt จากบาร์เทนเดอร์ของโรงแรม ซึ่งผมได้วางให้บาร์เทนเดอร์แต่ละคน หนึ่งคน หนึ่งเรื่อง เลือกเฉพาะความรู้ของเครื่องดื่มที่หาศึกษาได้ยาก (ตามความคิดเรา) จริงแล้วก็ไม่ยากหรอกครับ เพราะสมัยนี้ความรู้ทุกอย่างอยู่ในอินเตอร์เน็็ตแม้กระทั่งบล๊อกของผมเอง แต่ที่ว่ายากเพราะว่าความสามารถในการเข้าำในภาษาอังกฤษของเด็กสมััยนี้ (กว่าจะรู้ว่าภาษาอังกฤษจำเป็นต่อการทำงาน ก็สายไปเสียแล้ว เพราะตอนเรียนก็ลอกเอาจากเพื่อนเพื่อให้เรียนจบ) ขนาดจบเอกอังกฤษหรืออังกฤษธุรกิจยังพูดไม่ได้ เลยทำให้คิดว่าเป็นการยากที่จะหาความรู้เครื่องดื่มพวกนี้ ช่วงหนึ่งในตอนอบรมผมได้พูดถึง Single Malt ที่แพงที่สุดในโลก ว่าราคาประมาณ สี่ซ้าห้าแสน ผมพูดผิดครับ

ตัวนี้ต่างหากครับ Isabella’s Islay ราคาตกอยู่ที่ $6.2 million ใช่ครับ ไม่ต้องตกใจครับ ซ่ายแล้วครับ 180 ล้านบาทไทย ราคาที่แพงเพราะขวดและดีไซค์ของขวดล้อมรอบด้วยเพชรแท้จำนวน 8500 เม็ด......โอว์พระเจ้า ลองเข้าไปดูนะครับ ตามเวปนี้เลย 
http://www.isabellasislay.com/ 
แต่ถ้าSingle Maltที่เเพงเพราะคุณภาพของน้ำเหล้าจริงก็ตัวนี้เลยครับจากไฮแลนด์ครับ Master of Malt Aisla T'Orten 105 Year Old 1906 ขวดดีไซค์แบบดั้งเดิมของ Single Malt เลยครับ ราคาก็เบาะๆถูกกว่าเจ้า Isabella’s Islay เยอะเลย $1.4 million เอ้งงงงงงงงงงงงง..... ฮือๆๆ ขอดมได้ไหม 


ส่วนเจ้าตัวที่ผมบอกให้น้องๆในห้องฝึกอบรมว่าเเพงที่สุดคือตัวนี้ ครับ Glenlivet 70 Year Old 1940

ขวดเหมือนน้ำหอมเลยครับทำออกมาสองไซค์ 700 mm และ 20 mm เหมาะที่เป็นของขวัญสำหรับคุณพิเศษ ราีคาพอซื้อได้ครับ (สำหรับเศรษฐี) ฮ่า ๆ $21,000 ครับ หกแสนนิด โอ้ย.......
เอ้า .....> เข้าเรื่องของเราดีกว่าเดี๋ยวไม่จบเครื่องเรียกน้ำย่่อยหรือที่เรียกว่า Aperitif 
บทความที่แล้วเขียนถึง Angostura Bitter ตอนนี้ผมจะจบที่เจ้า Campari และ Fernet Branca ซึ่งเป็นเครื่องดื่มบิทเท่อร์ที่มีขายในบ้านเรา และยังเป็นบิทเท่อร์ที่ชาวยุโรปนิยมดื่มก่อนอาหารและหลังอาหารด้วย 



คัมพารี่ Bitters ที่นิยมดื่มกันอย่างแพร่หลายอีกชนิดหนึ่งของโลก  จากจุดเริ่มต้นที่เมือง Novara, Italy โดยบาร์เทนเดอร์ที่มีนามว่า Gaspare Campari ของ Bass Bar ในTurin ขณะที่เขาอายุได้แค่เพียง 14 ปี เจ้าเด็กน้อยผู้เฉลียวท่านนี้ได้ค้นคิดสูตร การนำสมุนไพรกว่า 60 ชนิดมาปรุงกับแอลกอฮอล์ในระบบการผลิตที่เราเรียกว่า แช่ หรือ Maceration  เริ่มตั้งแต่ปี 1860-1867  จึงได้ประสบความสำเร็จในการค้นคิด Bitters ชนิดนี้ขึ้นมา            สมุนไพรสำคัญๆที่พอรู้ในการผลิตคัมพารี่คือ  Quinine,  Rhubarb, Ginseng, Bergamot Oil, Cascarilla  และผลไม้ต่างๆ 
โดยเฉพาะส้มที่ให้กลิ่นและสีที่เป็นเอกลักษณที่สำคัญของคัมพารี่ปัจจุบันบริษัท คัมพารี่ ได้เติบโตอยู่ที่ตอนเหนือของอิตาลีครับเมือง Milan ใกล้ๆ สวิสเซอร์แลนด์


คัมพารี่นิยมดื่มกับ Soda Water หรือ Orange Juice จน Campari ได้ผลิตเครื่องดื่มที่ผสมน้ำส้มและโซดาแบบพร้อมดื่มขายในทวีปยุโรปและอเมริกา และสามารถผสมกับ Cocktails ได้มากมาย และยังมีความเชื่ออีกว่าการดื่มคัมพารี่ สามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีอีกด้วย

ยังมีเรื่องราวดีๆของคัมพารี่อีกเยอะครับ หากน้องๆสนใจก็เข้าไปศึกษาต่อนะครับตามลิ้งค์นี้เลย http://www.campari.com/ และตามสไตล์ของบล๊อกนี้ครับ วีดีโอสำหรับคัมพารี่ เอาใจหนุ่มๆด้วยวีดีโอโฆษณาสุดเซ็กซี่ของ Salma Hayek  Salma Hayek Spot Campari VERY HOT RED PASSION



ยังเหลืออีกหนึ่งตัวสำหรับบิทเท่อร์ที่เราต้องรู้จักซึ่งทราบว่าตอนนี้ไม่มีการนำเข้ามาขายที่เมืองไทยในขณะนี้ ที่ผมพูดว่าขณะนี้เพราะว่าสินค้าพวกนี้รอสักพักก็จะมีเจ้าใหม่นำเข้ามาจำหน่ายใหม่ครับ 
เพอร์เน็ต บรังก้า Fernet Branca เป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงอีกตัวในกลุ่มของบิทเท่อร์จากประเทศอิตาลี่และเมืองมิลาน ชาวอิตาลี่มักเรียก เครื่องดื่มชนิดนี้ว่า อมาโร่ Amaro ซึ่งหมายถึง Bittersในภาษาอังกฤษนั่นเองเพอร์เน็ต บรังก้าผลิตที่เมืองมิลานเช่นเดียวกับคัมพารี่ซึ่งทำมาจากสมุนไพรกว่า 40 ชนิด แต่ที่หลักได้แก่ Myrrh เมียย์, Rhubarb รูบาร์, Chamomile คาร์โมไมด์, Cardamom คาร์ดามอน,
และ Aloe, และ Saffron สองตัวนี้ผมไม่ได้ทำรูปให้ดูเพราะเป็นสมุนไพรและพืชที่ค่อนข้างรู้จักดีอยู่แล้วและแต่งสีด้วยคาราเมลและที่สำคัญต้องบ่มในถ้งโอ้กอย่างน้อยสามปีนะครับ  

สูตรการทำ Fernet Branca  และชื่อ Branca เป็นของผู้ค้นคิดขึ้นที่มีนามว่า Maria Scala ในปี 1845 ในเมืองมิลานเพื่อเป็นยาและคำว่า Branca เป็นซื่อสกุลของ Maria Scala เพอร์เน็ต บรังก้านิยมดื่มก่อนหรือหลังอาหารการดื่มก็จะดื่มเเบบเพียวๆไม่ผสมอะไรครับที่อุณหภูมิห้อง หรือ จะออนเดอะร๊อค (ใส่น้ำแข็ง) ก็ได้แอลกอฮอล์แรงทีเดียวครับ 40 

ส่วนวิธีดื่มดั้งเดิมเลยก็ผสมน้ำครับ เป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมในประเทศอาเจนตินา ส่วนมากนิยมดื่มกับโค้ก และแพร่หลาย ในหลายประเทศ
โดยมีการอ้างสรรพคุณที่ว่า สามารถรักษาโรคบางอย่างได้เช่น  อาการเสียดท้อง  แก้เมาค้าง หรือ  อหิวาตกโรค ได้ด้วย... รสชาติหรือครับ คนไทยทุกท่านที่ผมรู้จักและเคยได้ซิมจะบอกว่ามันเป็นยาธาตุดีๆนี่เอง ฉุนและรุนแรงครับ 

ยังจำฉากอัลเฟรดในแบทแมน ตอนอัศวินรัตติกาล นั่งฉิบเพอร์เน็ตได้ไหมครับ เอามาฝากกันครับ  


อย่าลืมนะครับยังมีบิทเท่อร์ที่ขายทั่วโลกหลายยี่ห้ออย่างเช่น 
  • Jägermeister จากเยอรมัน
  • Pimm's No. 1
  • Amer Picon ฝรั่งเศส
  • Cynar (ตัวนี้วัตถุดิบหลักเป็นอาร์ติโซ้กครับ จากอิตาลี)
  • Aperol (ตัวนี้คล้ายๆคัมพารี่กลิ่นส้มแต่ความผื่นน้อยกว่าคัมพารี่ จากอิตาลี มีขายในเมืองไทยแล้วครับโดยบริษัท IWS - international wine and spirit อยากซื้อติดต่อหลังไมค์ครับสำหรับเบอร์ติดต่อของบริษัทและผู้จัดการ)
แล้วเราค่อยนำมาคุยกันในโอกาสถัดไปนะครับ ส่วนถ้าผู้อ่านท่านใดอยากให้เขียนเรื่องอะไรก็บอกกันได้นะครับ สุดท้ายแล้ว ชีวิตนี้สั้นนัก บอกรักคุณที่คุณรักหรือยัง กอดพ่อและแม่หรือยัง อย่ารอให้ท่านจากไปเสียก่อนแล้วไปเคาะโลงศพท่านแล้วบอกว่า พ่อ แม่อยากกินอะไร 
ไปหาท่าน กอดท่าน ทำอะไรให้ท่านกิน แล้วกันต่อในบทหน้านะีครับ ผมรักพวกท่านทุกท่านครับ 






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น